ส่วนที่ 1: ข้อมูลพื้นฐานและการเปรียบเทียบ
1.UKA คืออะไร? ทำความเข้าใจการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (Partial Knee Replacement)
- UKA ย่อมาจาก Unicompartmental Knee Arthroplasty หรือที่เรียกกันว่า การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน เป็นการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมที่เสียหายเพียงแค่ส่วนเดียว (มักจะเป็นส่วนด้านใน หรือ Medial Compartment) โดยจะทำการเปลี่ยนเฉพาะผิวข้อที่สึกหรอเท่านั้น ส่วนที่เหลือของข้อเข่าและเอ็นข้อเข่าที่ยังแข็งแรงจะถูกเก็บรักษาไว้
Highlight ของ UKA
- เปลี่ยนแค่บางส่วน (Partial Replacement): ต่างจากการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าทั้งข้อ (TKA) ที่จะเปลี่ยนผิวข้อเข่าทั้งหมด UKA จะเปลี่ยนเฉพาะส่วนที่เสียหาย
- เก็บเอ็นที่ยังดีไว้ (Ligament Preservation): UKA เหมาะกับผู้ที่มีเอ็นข้อเข่า ที่ยังสมบูรณ์ ซึ่งช่วยให้ข้อเข่ามีความรู้สึกเป็นธรรมชาติ (More Normal Kinematics) มากกว่า
การฟื้นตัวที่เร็ว (Faster Recovery): เนื่องจากเป็นการผ่าตัดแผลเล็กและมีการบาดเจ็บต่อกล้ามเนื้อน้อยมาก (Minimally Invasive) ผู้ป่วยจึงฟื้นตัวเร็ว อาการปวดหลังผ่าตัดน้อย และสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้เร็วกว่า TKA

คำอธิบายในภาพ
ข้อเข่าปกติ ผิวข้อกระดูกอ่อนยังเรียบเนียน ไม่มีการสึกหรอ
ข้อเข่าเสื่อม แสดงการสึกหรอของกระดูกอ่อนเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น (ในภาพคือด้านใน)
หลังการผ่าตัด TKA มีการเปลี่ยนผิวข้อเข่าทั้งหมดทั้งด้านในและด้านนอก
หลังการผ่าตัด UKA มีการใส่ชิ้นส่วนข้อเข่าเทียมเฉพาะส่วนที่เสียหาย โดยส่วนที่เหลือของข้อเข่าและเอ็นข้อเข่า ยังอยู่ครบ
จากภาพ: คุณจะเห็นชัดเจนว่า UKA จะมีชิ้นส่วนเทียมเพียงเล็กน้อยที่ทำหน้าที่แทนผิวข้อที่สึกหรอ ทำให้สูญเสียกระดูกและเนื้อเยื่อน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับ TKA
2. ข้อเข่าเสื่อมแบบไหนที่เหมาะกับการผ่าตัด UKA? (เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม)
เกณฑ์ความเหมาะสม
- เกณฑ์หลัก
ภาวะข้อเข่าเสื่อมต้องจำกัดอยู่แค่ 1 ใน 3 ส่วนของข้อเข่าเท่านั้น (มักเป็นด้านใน) โดยที่ส่วนอื่นยังสมบูรณ์ดี
- ความสมบูรณ์ของเอ็น
เอ็นข้อเข่าต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และทำงานได้ดี
- องศาการเคลื่อนไหว
ข้อเข่ายังสามารถงอและเหยียดได้ดี (เช่น สามารถงอเข่าได้อย่างน้อย 90 องศา และมีการผิดรูปของขาไม่มากนัก)
- กลุ่มเป้าหมาย
ผู้ป่วยที่มีอาการปวดเข่าอย่างชัดเจนในจุดที่เสื่อม และไม่สามารถบรรเทาได้ด้วยการรักษาแบบอื่น ๆ
สถิติที่น่าสนใจ
ข้อมูลชี้ว่า 10% ถึง 25% ของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมที่ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า มีคุณสมบัติที่สามารถทำ UKA ได้ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าที่เคยทำกันในอดีต (มีการทำ UKA ทั่วโลกประมาณ 7.5% ของการเปลี่ยนข้อเข่าทั้งหมด)
3. ผ่าตัด UKA ต่างจากการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งข้อ (TKA) อย่างไร?

UKA (เปลี่ยนบางส่วน)
- เปลี่ยนเฉพาะผิวข้อที่เสียหาย (1 ใน 3 ส่วน) มีการเก็บกระดูกและเอ็นไว้มาก
- แผลเล็ก (เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่บาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อรอบ ๆ น้อยกว่า)
- ผู้ป่วยมักรายงานว่ารู้สึกเหมือน "ข้อเข่าตามธรรมชาติ" มากกว่า
- ฟื้นตัวเร็วกว่า (กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็ว)
TKA (เปลี่ยนทั้งข้อ)
- เปลี่ยนผิวข้อเข่าทั้งหมด (ทุกส่วน) ต้องนำกระดูกออกมากกว่า
- แผลใหญ่กว่า
- อาจมีความรู้สึกตึงข้อเข่าหรือจำกัดการเคลื่อนไหวเล็กน้อย
- ฟื้นตัวช้ากว่า
4. ข้อดีของการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (UKA) แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว จริงไหม?
- การฟื้นตัวที่รวดเร็ว
จริง การวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า UKA ช่วยให้การฟื้นตัวในช่วงแรกดีกว่า TKA อย่างมีนัยสำคัญ (กลับมาทำงานได้เร็วขึ้น)
- ความเจ็บปวดน้อยลง
จริง ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังผ่าตัดน้อยกว่า TKA อย่างชัดเจน และมีโอกาสได้รับยาแก้ปวดที่รุนแรงน้อยกว่า
- ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน
จริง UKA สัมพันธ์กับภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงน้อยกว่า TKA เช่น ลดการต้องถ่ายเลือด (Blood Transfusion) และ ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อลึก (Deep Infection)
- การทำงานของข้อเข่าที่ดีกว่า
การเก็บเอ็นไขว้หน้าไว้ ทำให้การเคลื่อนไหวของข้อเข่าใกล้เคียงธรรมชาติ ส่งผลให้ผู้ป่วยมี Function Score (คะแนนการทำงานของข้อเข่า) ที่ดีกว่า ในระยะสั้นถึงกลาง
- อัตราการอยู่รอดของข้อเข่าเทียม
สถิติระยะยาวบ่งชี้ว่า UKA มีอัตราความสำเร็จ (Implant Survival) ที่ดีเยี่ยม โดยบางรายงานพบอัตราการอยู่รอดของข้อเข่าเทียม สูงกว่า 90% ที่ 10 ปี

5. ข้อจำกัดและข้อควรระวัง: ใครไม่ควรผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน?
- ข้อเข่าเสื่อมรุนแรง
หากข้อเข่าเสื่อมลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ (มากกว่า 1 ใน 3 ส่วน) หรือมีการทำลายของกระดูกมากเกินไป ควรเลือก TKA แทน
- โรคข้ออักเสบชนิดรุนแรง
ผู้ป่วยที่มีภาวะ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) หรือโรคข้ออักเสบอื่น ๆ ที่กระทบต่อทั้งข้อเข่า
- เอ็นข้อเข่าเสียหาย
หาก เอ็นข้อเข่าขาด หรือไม่สามารถใช้งานได้ จะทำให้ข้อเข่าไม่มั่นคง ซึ่งเป็นข้อห้ามสำคัญในการทำ UKA
- น้ำหนักตัวมากเกินไป (โรคอ้วน)
ผู้ป่วยที่มี ภาวะอ้วนรุนแรง (Morbid Obesity) อาจไม่เหมาะ เนื่องจากน้ำหนักจะส่งผลให้ข้อเข่าเทียมบางส่วนสึกหรอเร็วกว่าปกติ
- ความผิดรูปของขามาก
หากมีภาวะขาโก่งหรือขาแอ่นที่รุนแรงมากเกินไป อาจต้องแก้ไขด้วย TKA เพื่อให้ได้แนวขาที่ถูกต้อง
- สถิติที่น่าสนใจ (ข้อควรระวัง)
แม้จะมีข้อดีมาก แต่ข้อมูลทะเบียนข้อเข่าชี้ว่า อัตราการต้องผ่าตัดแก้ไข (Revision) ของ UKA อาจสูงกว่า TKA ประมาณ 2-3 เท่า ในช่วง 5 ปีแรก (ส่วนใหญ่มักเกิดจากการเลือกผู้ป่วยที่ไม่เหมาะสม, ความคลาดเคลื่อนในการผ่าตัด หรือการเสื่อมของข้อเข่าที่เหลือ) ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเลือกผู้ป่วยอย่างเคร่งครัดโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ส่วนที่ 2: ขั้นตอนการผ่าตัดและเทคนิค (Partial Knee Replacement / UKA)
1. ขั้นตอนการผ่าตัด UKA: แพทย์ทำอะไรบ้างในการเปลี่ยนข้อเข่าบางส่วน?
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (UKA) เป็นกระบวนการที่เน้นการแทนที่ผิวข้อเข่าที่เสียหายเพียงส่วนเดียว (มักจะเป็นส่วนด้านใน) โดยมีการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อน้อยที่สุด:
การเตรียมและการเปิดแผล: ผู้ป่วยได้รับยาสลบ/ยาชา ศัลยแพทย์ทำการเปิดแผลขนาดเล็ก (ประมาณ 7-10 ซม.) บริเวณด้านหน้าของข้อเข่าในส่วนที่ต้องการเปลี่ยน
การเข้าถึงข้อเข่าและประเมิน: เข้าถึงข้อเข่าโดยมีการเลี่ยง/แยกกล้ามเนื้อ (Quad-sparing) เพื่อลดการบาดเจ็บ ศัลยแพทย์ตรวจสอบความเสียหายของกระดูกอ่อนและยืนยันว่าเอ็นไขว้หน้า (ACL) ยังคงแข็งแรง
การเตรียมกระดูก: ใช้เครื่องมือเฉพาะทางเพื่อ ตัดแต่งกระดูกอ่อนและกระดูกส่วนที่เสียหายออกไปในปริมาณที่น้อยที่สุด เพื่อเตรียมพื้นผิวของกระดูกต้นขา (Femur) และกระดูกหน้าแข้ง (Tibia) ให้พอดีกับข้อเข่าเทียม
การใส่ข้อเข่าเทียม:
- ใส่ชิ้นส่วนโลหะบนกระดูกต้นขาและกระดูกหน้าแข้ง
- ใส่แผ่นพลาสติกโพลีเอทิลีน (Spacer/Bearing) ระหว่างกลาง ซึ่งทำหน้าที่เป็นผิวข้อเทียม
การตรวจสอบและการปิดแผล: ตรวจสอบพิสัยการเคลื่อนไหว (ROM), ความมั่นคง และความสมดุลของข้อเข่า จากนั้นจึงล้างแผลและเย็บปิด
2. เทคนิคการผ่าตัด UKA แบบแผลเล็ก (Minimally Invasive Surgery: MIS) ดีอย่างไร?
เทคนิค MIS เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ UKA มีความโดดเด่นในการฟื้นตัว โดยให้ประโยชน์หลัก ๆ ดังนี้:
- ลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อ: ใช้แผลขนาดเล็กและ หลีกเลี่ยงการตัดกล้ามเนื้อใหญ่ (Quadriceps Sparing Technique) ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังผ่าตัด
- การฟื้นตัวที่รวดเร็ว: เนื่องจากการบาดเจ็บน้อย ผู้ป่วยจึงมีอาการปวดน้อยลง และสามารถเริ่มทำกายภาพบำบัดและเดินได้เร็วขึ้นมาก
- ลดภาวะแทรกซ้อน: ลดการเสียเลือด และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดใหญ่
สถิติที่น่าสนใจ: การศึกษาเปรียบเทียบระหว่าง MIS-UKA กับการผ่าตัดแบบดั้งเดิมพบว่า:
- ผู้ป่วยที่ทำ MIS-UKA มีแนวโน้มที่จะ ออกจากโรงพยาบาลได้เร็วกว่า
- MIS-UKA สามารถให้ อัตราการรอดชีวิตของข้อเข่าเทียมสูงถึง 90.5% ที่ 10 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดำเนินการโดยศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์
3. การใช้เทคโนโลยีช่วยผ่าตัด (เช่น หุ่นยนต์/นำวิถี) ในการทำ UKA
การนำเทคโนโลยีมาช่วยในการผ่าตัด (เช่น ระบบหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด หรือ Robotic-assisted UKA) เป็นการอัปเดตสำคัญที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวางตำแหน่งข้อเข่าเทียม:
- เพิ่มความแม่นยำในการวางตำแหน่ง: เทคโนโลยีช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถตัดกระดูกและวางตำแหน่งชิ้นส่วนเทียมได้ แม่นยำตามแผนที่วางไว้ก่อนผ่าตัด (Pre-operative Planning) ในระดับมิลลิเมตร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่ออายุการใช้งานในระยะยาว
- ลดความคลาดเคลื่อน: ระบบหุ่นยนต์จะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเครื่องมือผ่าตัด ทำให้ศัลยแพทย์ไม่สามารถตัดกระดูกหรือเนื้อเยื่อเกินขอบเขตที่กำหนดไว้ได้
สถิติที่น่าสนใจ: Meta-analysis และ Systematic Review ชี้ให้เห็นถึงข้อได้เปรียบของการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์:
- อัตราภาวะแทรกซ้อน: UKA ที่ใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดมีอัตราภาวะแทรกซ้อนที่ต่ำกว่า (เช่น ในกลุ่มหุ่นยนต์ เทียบกับ ในกลุ่ม Manual)
- อัตราการผ่าตัดแก้ไข (Revision Rate): UKA ที่ใช้หุ่นยนต์มีแนวโน้มที่จะต้องผ่าตัดแก้ไขน้อยกว่าในระยะยาว (เช่น ในกลุ่มหุ่นยนต์ เทียบกับ ในกลุ่ม Manual)
4. ข้อเข่าเทียมบางส่วนทำจากวัสดุอะไร? มีอายุการใช้งานนานแค่ไหน?
ข้อเข่าเทียมบางส่วน (Prosthesis) ถูกออกแบบโดยใช้วัสดุที่ทนทานสูงเพื่อรับแรงกดและแรงเสียดสี:
วัสดุที่ใช้:
- ชิ้นส่วนโลหะ (Tibial/Femoral Components): ทำจาก โลหะผสมโคบอลต์-โครเมียม (Cobalt-Chromium Alloys) หรือ ไทเทเนียม (Titanium)
- ชิ้นส่วนพลาสติก (Bearing/Spacer): ทำจาก พลาสติกโพลีเอทิลีนที่มีความทนทานสูง (Highly Cross-linked Polyethylene) ซึ่งทนทานต่อการสึกหรอได้ดีกว่ารุ่นเก่ามาก
อายุการใช้งาน (ความทนทาน): ข้อเข่าเทียม UKA ที่ใช้วัสดุและเทคนิคสมัยใหม่มีอายุการใช้งานยาวนานและน่าพอใจ
- อัตราการรอดชีวิตในระยะยาว: โดยเฉลี่ยแล้ว ประมาณ ของข้อเข่าเทียม UKA ใช้งานได้นานถึง 15 ปี
- ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า อัตราการรอดชีวิตของ UKA ที่ดีที่สุดสามารถสูงถึง ที่ 25 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า UKA สามารถเป็นทางเลือกที่ถาวรได้ในผู้ป่วยที่เหมาะสม
5. การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด UKA: สิ่งที่ผู้ป่วยต้องรู้และเตรียมพร้อม
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด (Pre-operative Preparation) เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จและการฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น (ตามหลักการ ERAS - Enhanced Recovery After Surgery):
- การประเมินสุขภาพ: เข้ารับการประเมินสุขภาพอย่างละเอียดโดยแพทย์ (Pre-operative Assessment) เพื่อตรวจหาและควบคุมโรคประจำตัว (เช่น เบาหวาน, ความดัน) และประเมินความเสี่ยง
- การจัดการยา: แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรทุกชนิดที่ใช้อยู่ โดยเฉพาะยาละลายลิ่มเลือด (Anti-coagulants) ซึ่งอาจต้องหยุดใช้ตามกำหนดเวลาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- งดน้ำและอาหาร (Fasting): ต้อง งดอาหารแข็งอย่างน้อย 6 ชั่วโมง และ งดน้ำใสอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ก่อนการผ่าตัดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบ
- การเตรียมกายภาพ (Prehabilitation): การออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขาและน่องก่อนผ่าตัดจะช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น
- การจัดการบ้านและสิ่งแวดล้อม: จัดเตรียมที่พักอาศัยให้พร้อมสำหรับการฟื้นตัว (เช่น ติดตั้งราวจับ, จัดพื้นที่ให้สะดวกต่อการเดินโดยใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน)

ส่วนที่ 3: การฟื้นตัวและการดูแลหลังผ่าตัด UKA
1. หลังผ่าตัด UKA พักฟื้นกี่วัน? กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เมื่อไหร่?
การผ่าตัด UKA มักมีการฟื้นตัวที่รวดเร็วกว่าการเปลี่ยนข้อเข่าทั้งข้อ (TKA) เนื่องจากแผลผ่าตัดเล็กและมีการบาดเจ็บต่อกล้ามเนื้อน้อยกว่ามาก
ระยะเวลาพักฟื้นในโรงพยาบาล: ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาในโรงพยาบาลเพียง 1-3 วัน (ในบางกรณีที่ใช้เทคนิค Minimally Invasive Surgery และมีสุขภาพดี อาจสามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกับการผ่าตัด)
การเคลื่อนไหวเบื้องต้น: ผู้ป่วยจะถูกกระตุ้นให้เริ่มเดิน ด้วยเครื่องช่วยเดิน (Walker หรือ Crutches) ภายใน 24 ชั่วโมงแรก หลังการผ่าตัด ซึ่งเร็วกว่า TKA
กลับไปใช้ชีวิตประจำวัน:
- การเดิน/ขับรถ: ผู้ป่วยมักจะสามารถลดการพึ่งพาเครื่องช่วยเดิน (เหลือเพียงไม้เท้า) ภายใน 3 สัปดาห์ และสามารถ กลับไปขับรถได้ภายใน 4-6 สัปดาห์
- กลับไปทำงาน: สำหรับงานนั่งโต๊ะ สามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 2-4 สัปดาห์ ส่วนงานที่ต้องใช้แรงกายอาจต้องใช้เวลาถึง 6-8 สัปดาห์
- การฟื้นตัวเต็มที่: การฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและพิสัยการเคลื่อนไหวจะใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน แต่ผู้ป่วยจะรู้สึกดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายใน 12 สัปดาห์
2. กายภาพบำบัดหลังผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าบางส่วน (UKA): ท่าบริหารและตารางการฟื้นฟู
การทำกายภาพบำบัดเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อฟื้นฟูการทำงานของข้อเข่าและกล้ามเนื้อ

สัปดาห์ที่ 1-2
- เน้นเรื่อง : ควบคุมกล้ามเนื้อ, เริ่มพิสัยการเคลื่อนไหว (ROM)
- ท่าบริหารสำคัญ : การเกร็งกล้ามเนื้อต้นขา (Quad Sets), การเลื่อนส้นเท้า (Heel Slides), การยกขาตรง (Straight Leg Raise)
สัปดาห์ที่ 3-6
- เน้นเรื่อง : เพิ่ม ROM, เริ่มใช้งาน (Functional)
- ท่าบริหารสำคัญ : ปั่นจักรยานอยู่กับที่ (เพื่อเพิ่มการงอเข่า), การฝึกเดิน/ก้าวขึ้นบันได, บริหารกล้ามเนื้อสะโพก
เดือนที่ 2-3
- เน้นเรื่อง : สร้างความแข็งแรงและความทนทาน
- ท่าบริหารสำคัญ : การใช้แรงต้านเบาๆ (ยางยืด), Squats ย่อตัวเบาๆ, การฝึกทรงตัว
สถิติ: UKA มักให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว โดยการศึกษาพบว่าคะแนนการทำงานของข้อเข่า (Knee Society Function Score) ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และคงอยู่ได้ดีที่การติดตามผล 10 ปี
3. การดูแลแผลผ่าตัดและวิธีลดอาการบวมหลังทำ UKA
การดูแลแผลผ่าตัดที่ดีจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งเป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงที่สุดของการผ่าตัดเปลี่ยนข้อต่อ
การดูแลแผล:
- ห้ามน้ำ: ต้องดูแลแผลผ่าตัดไม่ให้โดนน้ำโดยตรงจนกว่าแพทย์จะอนุญาต (มักประมาณ 10-14 วัน หลังผ่าตัด หรือจนกว่าไหม/ลวดเย็บจะถูกถอดออก)
- การทำความสะอาด: ทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำของแพทย์/พยาบาลอย่างเคร่งครัด และใช้วิธีที่ปราศจากเชื้อ
การลดอาการบวม (Swelling Control): อาการบวมและอักเสบเป็นเรื่องปกติ แต่การควบคุมอาการจะช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
- ประคบเย็น (Ice): ใช้ถุงน้ำแข็งหรือเครื่องประคบเย็น 15-20 นาที หลายครั้งต่อวัน
- ยกขาสูง (Elevation): ยกขาให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าหัวใจ โดยวางขาบนหมอนขณะพัก เพื่อช่วยให้ของเหลวไหลกลับ
4. อาการปวดหลังผ่าตัด UKA: วิธีจัดการความเจ็บปวดและการใช้ยา
การจัดการความปวดเป็นส่วนหนึ่งของโปรโตคอลการฟื้นตัวที่รวดเร็ว (ERAS) เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเริ่มทำกายภาพบำบัดได้ทันที
การจัดการความปวดแบบผสมผสาน (Multimodal Pain Management): คือการใช้ยาหลายชนิดร่วมกันเพื่อควบคุมความปวดอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและลดการพึ่งพายาแก้ปวดกลุ่ม Opioid:
- ยาหลัก: ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) หรือยา Acetaminophen (Paracetamol)
- ยาเสริม: ยา Opioid (เช่น Tramadol หรือยาแก้ปวดที่แรงขึ้น) สำหรับควบคุมอาการปวดที่รุนแรงเฉียบพลัน และจะถูกหยุดใช้อย่างรวดเร็ว
การบล็อกเส้นประสาท (Nerve Block): อาจมีการให้ยาชาเฉพาะที่ระหว่างการผ่าตัดเพื่อให้เกิดอาการชาหลังผ่าตัดหลายชั่วโมง ช่วยลดความปวดในช่วงแรกได้มาก
5. ทำอย่างไรให้ข้อเข่าเทียมบางส่วน (UKA) อยู่ได้นานขึ้น?
เป้าหมายสูงสุดคือการทำให้ข้อเข่าเทียมสามารถใช้งานได้ตลอดชีวิตของผู้ป่วย การดูแลระยะยาวจึงมีความสำคัญ
รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม: ปัจจัยสำคัญที่สุด เนื่องจากน้ำหนักตัวที่มากเกินไปจะเพิ่มแรงกดต่อแผ่นพลาสติก (Polyethylene) ทำให้เกิดการสึกหรอและหลวมได้เร็วขึ้น
กิจกรรมและกีฬาที่เหมาะสม: เน้น กิจกรรมที่มีแรงกระแทกต่ำ (Low-Impact) เช่น
- ดี: ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน, เดิน, กอล์ฟ
- ควรหลีกเลี่ยง: การวิ่งจ็อกกิ้ง, กีฬาที่มีการกระโดดหรือบิดตัวอย่างรุนแรง (เช่น ฟุตบอล, บาสเกตบอล)
การตรวจติดตามผลสม่ำเสมอ: เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจเช็กสภาพข้อเข่าเทียมด้วยการเอกซเรย์ ซึ่งช่วยให้ตรวจพบสัญญาณการหลวมหรือสึกหรอได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
สถิติความทนทานในระยะยาว: การดูแลที่เหมาะสมส่งผลต่ออายุการใช้งานของข้อเข่าเทียม:
- UKA สมัยใหม่มีอัตราการรอดชีวิต (Survivorship) ที่สูง โดยมีการรายงานว่า ประมาณ ใช้งานได้นานถึง 10 ปี และบางการศึกษาพบว่าสามารถใช้งานได้ถึง ที่ 25 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทนทานเทียบเคียง TKA ได้ หากได้รับการดูแลอย่างดี
ส่วนที่ 4: คำถามที่พบบ่อยและข้อมูลเสริม (UKA)
1. ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน
แม้ UKA จะเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่สำคัญที่ผู้ป่วยควรทราบ:
ภาวะแทรกซ้อนหลัก:
- ลิ่มเลือด (Deep Vein Thrombosis: DVT): เป็นความเสี่ยงที่พบบ่อยในการผ่าตัดกระดูกและข้อ ซึ่งสามารถกลายเป็นลิ่มเลือดในปอด (Pulmonary Embolism: PE) ได้ แพทย์จะให้ยาป้องกันลิ่มเลือดและแนะนำให้ออกกำลังกายขาแต่เนิ่น ๆ
- การติดเชื้อ (Infection): อาจเกิดขึ้นที่แผลผ่าตัดหรือภายในข้อต่อ ซึ่งอาจต้องมีการผ่าตัดล้างหรือเปลี่ยนข้อเข่าเทียมใหม่ (Revision Surgery) สถิติ: อัตราการติดเชื้อมักจะต่ำ (ประมาณ 1%)
- การหลุด/หลวมของข้อเข่าเทียม (Aseptic Loosening/Wear): ข้อเข่าเทียมอาจหลวมหรือแผ่นพลาสติกสึกหรอตามกาลเวลา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการต้องผ่าตัดแก้ไขในระยะยาว
- ความเสื่อมของส่วนที่ยังไม่เปลี่ยน: แม้จะเปลี่ยนไปแค่บางส่วน แต่อีกส่วนของข้อเข่าที่เหลือก็ยังคงมีโอกาสเสื่อมได้ในอนาคต ทำให้ต้องเปลี่ยนเป็นข้อเข่าเทียมทั้งข้อ (TKA) ในที่สุด
ความเสี่ยงอื่น ๆ: อาการปวดเรื้อรัง (Persistent Pain), การบาดเจ็บของเส้นประสาทหรือหลอดเลือด, ข้อเข่าแข็ง (Stiffness), และภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบ
2. ผ่าตัด UKA แล้วสามารถกลับไปเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมหนักได้หรือไม่?
UKA มักจะช่วยให้ผู้ป่วยกลับไปทำกิจกรรมที่คล้ายคลึงกับข้อเข่าธรรมชาติได้ดีกว่า TKA แต่ยังคงต้องจำกัดประเภทของกิจกรรม
กิจกรรมที่ทำได้ (แนะนำ):
- กิจกรรมแรงกระแทกต่ำ (Low-Impact): เดิน, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน, กอล์ฟ, เต้นรำ, โยนโบว์ลิ่ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักกลับไปทำกิจกรรมเหล่านี้ได้เต็มที่
กิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง (แรงกระแทกสูง):
- ควรหลีกเลี่ยง: วิ่งจ็อกกิ้ง, สกีลงเขา, กีฬาที่มีการกระโดดหรือบิดตัวอย่างรุนแรง (เช่น บาสเกตบอล, ฟุตบอล, วอลเลย์บอล) เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงต่อการสึกหรอของแผ่นพลาสติกและการหลวมของข้อเข่าเทียม
สถิติที่น่าสนใจ: ผู้ป่วยที่ทำ UKA มีแนวโน้มที่จะ กลับไปเล่นกีฬามีแรงกระแทกต่ำได้มากกว่า 90% และมีรายงานว่า อัตราการกลับไปเล่นกีฬาทุกประเภทรวมกันสูงกว่า TKA อย่างมีนัยสำคัญ (บางงานวิจัยชี้ว่า UKA กลับไปเล่นกีฬาได้ 85%-95% เทียบกับ 60%-80% ใน TKA)
3. เล่าประสบการณ์จริง: ผู้ป่วยที่ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (UKA) รู้สึกอย่างไร?
ประสบการณ์ของผู้ป่วย UKA มักจะเน้นไปที่ความรู้สึก "เป็นธรรมชาติ" และการฟื้นตัวที่รวดเร็ว
- ความรู้สึกหลังผ่าตัด: ผู้ป่วยมักรายงานว่าอาการปวดลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับก่อนการผ่าตัด และเนื่องจากมีการสงวนเอ็นไขว้หน้า (ACL) ไว้ ทำให้ ความรู้สึกของข้อเข่าเป็นธรรมชาติกว่า (More Normal Kinematics) TKA
- การฟื้นตัวเร็ว: หลายคนแปลกใจกับ ความเร็วในการกลับไปเดิน และ ระยะเวลาในการพักฟื้นในโรงพยาบาลที่สั้น
- ความพึงพอใจ: การศึกษาชี้ว่า ความพึงพอใจของผู้ป่วยหลัง UKA มักจะสูงกว่า TKA โดยบางงานวิจัยพบว่า 88%-95% ของผู้ป่วย UKA รายงานว่า "พึงพอใจ" หรือ "พึงพอใจมาก" ในระยะยาว
- จุดที่ต่างจาก TKA: ผู้ป่วย UKA มักจะมีพิสัยการเคลื่อนไหว (ROM) ในการงอเข่าที่กว้างกว่า และมีอาการบวมน้อยกว่า ทำให้รู้สึกเหมือน "มีข้อเข่าของตัวเองกลับคืนมา"
4. ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (UKA) ครอบคลุมอะไรบ้าง?
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด UKA อาจแตกต่างกันอย่างมากตามโรงพยาบาล ประเภทของอุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่ใช้
สิ่งที่ครอบคลุมหลัก ๆ:
- ค่าแพทย์และศัลยแพทย์: ค่าผ่าตัดของศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อเข่า และค่าวิสัญญีแพทย์
- ค่าข้อเข่าเทียม (Implant): ค่าชิ้นส่วนโลหะและพลาสติกที่ใช้ในการผ่าตัด (ราคาจะสูงขึ้นหากใช้วัสดุหรือเทคโนโลยีรุ่นใหม่)
- ค่าใช้จ่ายโรงพยาบาล: ค่าห้องพักฟื้น, ค่าห้องผ่าตัด, ค่าพยาบาล, ค่ายาและเวชภัณฑ์
- ค่าเทคโนโลยีเสริม: หากมีการใช้ หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด (Robotic-assisted) หรือระบบนำวิถี (Navigation) ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สิ่งที่อาจไม่ครอบคลุมเต็มที่: ค่าทำกายภาพบำบัดหลังออกจากโรงพยาบาล, ค่าอุปกรณ์ช่วยเดิน (ในระยะยาว), หรือค่าใช้จ่ายที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนที่ต้องรักษาเพิ่มเติม
ข้อมูลเพิ่มเติม: แม้ค่าอุปกรณ์อาจสูง แต่ค่าใช้จ่ายรวมอาจต่ำกว่า TKA เล็กน้อยในบางกรณี เนื่องจากระยะเวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลที่สั้นกว่าและการใช้ทรัพยากรที่น้อยกว่า
5. สัญญาณเตือนที่ควรกลับมาพบแพทย์หลังการผ่าตัด UKA
การตรวจพบอาการผิดปกติอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง


